ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุค AEC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2559 นี้ ซึ่งแน่นอนว่าในแง่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก็ย่อมเข้าไปเกี่ยวข้องกับ AEC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่อพรมแดนเปิด การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการผ่านพรมแดนนั้น ก็ต้องเพิ่มมากขึ้นทั้งในด้านปริมาณและความหลากหลายมากเป็นเงาตามตัว
ในฐานะที่ผู้ประกอบการและสมาชิกทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแวดวงโลจิสติกส์นี้ก็ย่อมต้องปรับตัวให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณดังกล่าว ซึ่งวันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆจากประสบการณ์จริงมาแชร์กันว่า เคล็ดลับที่ทำให้เรามัดใจลูกค้าอยู่หมัด ไม่เกิดปัญหาตามหลัง ได้ทั้งผลงานและคำชม สร้างพื้นฐานที่ดีในหน้าที่การงานนั้นมีอะไรบ้าง พร้อมแล้ว ตามมาเลยครับ
5 เคล็ดลับมัดใจลูกค้าในงานโลจิสติกส์
1. ความรวดเร็วในการสื่อสาร
เพราะงานโลจิสติกส์เกี่ยวข้องกับหลายปาร์ตี้ในการทำงานมาก เช่น ลูกค้า รถส่งของ กรมศุลกากร ฝ่ายผลิต เป็นต้น ดังนั้น ในการรับมือกับคำถามจากลูกค้าที่กังวลใจเกี่ยวกับสถานะของสินค้าว่าเป็นอย่างไร อยู่ในขั้นตอนไหน ล่าช้ากว่ากำหนดหรือเปล่า จึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงควรมีการรวมศูนย์ข้อมูลหรือเตรียมข้อมูลให้พร้อมในทุกวัน และส่งอัพเดตสถานะงานสินค้าให้ลูกค้าทราบ การชิงแจ้งลูกค้าก่อนจะถูกทวงถามจะช่วยลดความจุกจิกในการถามลงได้มาก ซึ่งเป็นการลดงานซ้ำซ้อนของเราไปในตัวด้วย รู้อย่างนี้แล้ว เราต้องกลับไปดูหน้างานที่ทำอยู่ว่า มีความพร้อมแค่ไหนในการสื่อสารกับลูกค้า
เคล็ดลับ ใช้ระบบเช่น ERP ในการรวบรวมข้อมูลไว้บนปลายนิ้ว, จัดทำ daily shipment report ส่งทุกเช้า
2. ความมีมนุษย์สัมพันธ์ที่วิเศษ
ดังกล่าวข้างต้นว่า งานโลจิสติกส์เกี่ยวข้องกับคนหลายส่วน คงเป็นการยากที่เราจะพูดกับลูกค้าที แล้วหันมาคุยกับคนขับรถส่งของด้วยเสียงคนละโทน! ดังนั้น การใช้มนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนนั้นนอกจากจะทำให้เราสามารถจัดการกับตัวเองได้ง่ายแล้ว ยังสามารถโน้มน้าวใจคนฟังได้ดีด้วย อย่าลืมว่าไม่มีใครหรอกที่อยากยอมตามคนพูดจาไม่ดีกับเรา ไม่ว่าจะลูกค้าหรือลูกน้องเราก็ตาม
เคล็ดลับ ก่อนพูดคิดเสมอว่า อีกฝ่ายเป็นเพื่อนเราในอนาคต เพราะมีไม่น้อยที่ออกจากบริษัทไปก็ไปร่วมงานกันอีกที่ เพราะงานมันอยู่ในแวดวงเดียวกัน อันนี้เรื่องจริง
3. การรู้จักทำงานเชิงรุก
ลองสังเกตคนที่ทำงานแล้วมักมีปัญหาดู จะพบว่าคนเหล่านั้นมักมีข้อเสียที่ไม่ค่อยกระตือรือล้น ชอบรอให้จวนตัวจึงค่อยทำ ชอบรอลูกค้าบ่นแล้วค่อบขยับตัว ดังนั้น เราจึงควรหลีกเลี่ยงการถูกเร่งรัดงานด้วยการชิงทำตัดหน้าเสียก่อน และเมื่อลูกค้าได้รับส่งงานจากเราโดยไม่ต้องเหนื่อยร้องขอหรือร้องเรียน สุดท้ายก็จะชื่นชอบและไม่พยายามสร้างปัญหาด้านอื่นเพิ่ม เพราะไม่อยากเสียงานที่เราทำได้ดีอยู่ไป อย่าลืมว่า งานที่เราทำก็คืองานที่เขารับผิดชอบนั่นแหละ ใครๆก็ไม่อยากให้มีปัญหา จริงไหม
เคล็ดลับ เมื่อมีช่วงเวลาว่างในแต่ละวัน ให้เอางานในอนาคตมาทำ เช่นพิมพ์บางส่วนของรายงานเตรียมไว้ พอถึงกำหนดต้องส่งงานก็ส่งได้ตรงเวลา หรือชิงส่งก่อนเวลาสักเล็กน้อย แค่นี้ลูกค้าก็แฮปปี้สุดๆ
4. หาต้นแบบดีๆให้ตัวเอง
บางครั้ง การจะทำอะไรดีๆก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่บ้างเพราะเรามองภาพไม่ออกว่าแบบไหนจึงเรียกว่าดี ลองสังเกตคนที่ทำงานที่จัดเป็นดาวรุ่งหรือตัวท๊อปทั้งหลาย ว่าเขาเน้นการปฏิบัติตัวอย่างไรกับลูกค้า จึงได้รับคำชื่นชมมากมาย บางทีเราอาจได้พบว่า คนที่ประสบความสำเร็จมากนั้นก็มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนเราก็เป็นได้ และถ้าคนเหล่านั้นกินตำแหน่งสูงๆรายได้ดีๆ ก็เป็นไปได้ที่เราจะได้รับโอกาสแบบนั้นบ้างด้วยการปฏิบัติตัวแบบเดียวกัน เป้าหมายมีไว้พุ่งชน!
เคล็ดลับ ตัวอย่างที่ดีที่บริษัทยอมรับในฝีมือและได้เงินเดือนสูงกว่าเรา และใกล้ชิดเราที่สุด ก็คือหัวหน้าเรานั่นเอง จริงไหม
5. การวางแผนให้กับชีวิตการทำงาน
มีคำกล่าวว่า ชาวนาปลูกข้าวทั้งปีเพื่อหากำไรให้โรงสี แล้วโรงสีจึงเอากำไรที่มากกว่าไปมอบให้พ่อค้าคนกลางที่ทำงานปีละไม่กี่สัปดาห์ ... คำกล่าวนี้ไม่มีถูกหรือผิด อยู่ที่เรารู้จักใช้คุณสมบัติของตัวเองให้เกิดประโยชน์แก่ตน กล่าวคือ เราเลือกจะเป็นคนที่ได้รับคำชื่นชมอย่างชาวนา หรือ คนที่รู้จักสร้างกำไรให้ได้มากอย่างพ่อค้า การรู้จักวางแผนให้ชีวิตมีทิศทางตามความถนัดความชอบของเราเอง ย่อมสร้างแรงขับให้เกิดผลงานได้ดีกว่า ซึ่งจะกลายเป็น performance ในที่สุด ใครถนัดคอมก็หาสูตรและฟอร์แมตชีตที่เหมาะสมเพื่อลดเวลาคีย์ข้อมูล คนขับรถก็เรียนรู้แผนที่และทางลัด คนติดต่อศุลการกรก็เรียนรู้ว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนชอบงานแบบไหนจึงให้ผ่านได้ง่าย เป็นต้น
เคล็ดลับ คิดเป้าหมายให้ตนเองเกี่ยวกับเรื่องงานเป็นรายไตรมาสไป เริ่มจากงานตรงหน้าตอนนี้!
นี่เป็นเคล็ดที่เหล่าผู้ที่ประสบผลสำเร็จได้ถ่ายทอดมา หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะโดนใจพวกเรานะครับ หากสงสัยหรือต้องการเพิ่มเติมสิ่งใด สามารถพูดคุยกันได้ ทาง piriyaro@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น